วานนี้ (28 ก.ค.) สื่อประเทศญี่ปุ่น Japan Guide Book ได้รายงานข่าวว่ามีชายไทยอายุ 31 ปี ที้เดินทางไปเที่ยวฮอกไกโดและเช่ารถขับได้ประสบอุบัติเหตุชนรถยนต์คันอื่นๆ อีก 4 คันถ้วน ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บสาหัส 1 รายเป็นหญิงสาวชาวญี่ปุ่น และบาดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย
โดยรายงานข่าวระบุว่าสาเหตุเกิดจากที่ชายรายนี้มัวแต่มองดูจอนำทางจนทำให้ขับรถข้ามเลนไปเลนตรงกันข้าม ก่อให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าวขึ้น
ทางคนขับเล่าว่าที่ขับข้ามเลนเพราะตนมัวแต่ดูจอเนวิเกเตอร์นำทางทำให้รถเสียหลัก โดยตำรวจได้ควบคุมตัวหนุ่มไทยรายนี้ไว้แล้ว และแจ้งข้อหาขับรถประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ
ด้านเฟซบุ๊กเพจ ฮอกไกโดแฟนคลับ- Hokkaidofanclub ได้เผยว่า ทางสถานทูตไทยในญี่ปุ่นทราบเรื่องเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว พร้อมระบุว่า ตามกฎหมายประเทศญี่ปุ่น หากเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ให้ผู้ต้องหาพบญาติใน 48 ชั่วโมงแรก และตำรวจมีสิทธิ์ขังผู้ต้องหาโดยไม่ต้องขออำนาจศาล เพื่อการสอบสวน หลังผ่าน 48 ชั่วโมงแรก ตำรวจจะพิจารณาว่าอยากสอบสวนต่อหรือไม่ หากอัยการเห็นมีมูลจะส่งฟ้อง หลัง 48 ชั่วโมง และอัยการจะยื่นเรื่องให้ศาลขอฝากขังต่อ ภายใน 24 ชั่วโมง หลังตำรวจส่งเรื่องมา
ดังนั้น ใน 72 ชั่วโมงแรกในขั้นตอนตำรวจและอัยการนั้นขึ้นอยู่กับว่าตำรวจและอัยการ จะมองคดีนี้อย่างไร หากตำรวจต้องการสอบสวนต่อ อัยการสามารถฝากขังได้เพิ่มครั้งละไม่เกิน 10 วัน รวมไม่เกิน 2 ครั้ง รวมเป็น 20 วัน รวมกับช่วงแรกเป็นทั้งหมด 23 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาสูงสุดหากอัยการ ไม่ส่งฟ้อง และยกฟ้อง
อย่างไรก็ตาม กฎหมายของประเทศญี่ปุ่นกำหนดให้ข้อหาขับรถโดยประมาทและทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตนั้น มีโทษจำคุกสูงสุดอยู่ที่ไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1,000,000 เยน แต่ถ้าเมาแล้วขับ โทษเพิ่มเป็น 2 เท่า คือจำคุกไม่เกิน 15 ปี
ขณะนี้ ตำรวจยังไม่สามารถระบุแรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ที่ดูเหมือนเป็นการกราดยิงสุ่มได้ โดยหลังเกิดเหตุครู่หนึ่ง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตว่า ‘เจ้าหน้าที่รักษากฎหมายอยู่ในที่เกิดเหตุในกิลรอยแล้ว และขอให้ประชาชนระมัดระวังและปลอดภัย’
ขณะที่ เกวิน นิวส์รูม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า เหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นนี้เป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัว และสำนักงานผู้ว่าการกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอคร่าชีวิตคนไปแล้ว 71 รายในเมียนมาร์
วานนี้ (25 ก.ค.) มีรายงานจากกระทรวงสาธารณสุขและการกีฬาเมียนมาร์ว่า มียอดผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ (A (H1N1) pdm09) ล่าสุด 71 รายแล้วทั่วประเทศ โดยตัวเลขนี้รวบรวมตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค. – 24 ก.ค.ที่ผ่านมา และมีผู้ติดเชื้อซึ่งได้รับการยืนยันผลตรวจจากห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์สูงถึง 337 ราย
ในจำนวนผู้เสียชีวิต 71 รายนี้ มาจากเขตต่างๆ ได้แก่ เขตย่างกุ้งที่มีจำนวนสูงสุด 56 ราย เขตอิระวดี 5 ราย เขตพะโค 3 ราย เขตซะไกง์ 2 ราย เขตมะเกว 1 ราย และยังมีรายงานผู้เสียชีวิตในรัฐมอญ 3 ราย และรัฐคะฉิ่นอีก 1 รายด้วย
โดยทางหน่วยระบาดวิทยากลางและห้องปฏิบัติการสุขภาพแห่งชาติ ระบุว่า ผู้เสียชีวิตถึง 57 จากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอนี้ ประสบภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน หลอดเลือดหัวใจ ระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง รวมถึงภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องอื่นๆ โดยไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลจะเริ่มแสดงอาการภายใน 1-5 วันหลังได้รับเชื้อ ซึ่งสามารถแพร่กระจายผ่านละอองในอากาศโดยการไอ จาม สัมผัส หรือปนเปื้อนกับสารคัดหลั่ง ซึ่งถือว่าเป็นระยะฟักตัว อาการต่างๆ ได้แก่ มีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดหัว หนาวสั่น อาเจียน และท้องเสียอีกด้วย
ในปีนี้ นับได้ว่าเมียนมาร์มียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะมียอดผู้ติดเชื้อมากกว่าสองปีที่แล้วอย่างมาก โดยในปี 2560 มียอดผู้เสียชีวิต 38 ราย และผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 400 ราย
รถไฟเหาะขัดข้อง – เกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญขึ้นอีกครั้ง เมื่อรถไฟเหาะสไมเลอร์ที่ Alton Tower ส่วนสนุกชื่อดังของประเทศอังกฤษ เกิดหยุดทำงานกะทันหันที่ความสูงกว่า 30 เมตร ทำเอาผู้คนแตกตื่นตกใจไปตามๆ กัน
เหตุการณ์นี้เกิดในวันที่ 23 กรกฏา เวลาก่อน 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น กว่าเครื่องจะกลับมาทำงานได้อย่างปกติต้องใช้เวลาถึง 20 นาที โดยทีมวิศวกรได้เข้ามาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ครั้งนี้ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ก็เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน สาเหตุมาจากการชนกันของรถไฟเหาะสไมเลอร์ อุบัติเหตุครั้งนั้นส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บถึง 16 ราย
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป